วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ได้แต่คิดถึง

   ที่ที่ผมทำงานประจำ ณ ปัจจุบัน มีฟอนต์ลิขสิทธิ์ภาษาไทยอยู่ค่ายเดียว!!! ทำให้เวลาทำงานฟอนต์ที่ถูกเลือกใช้จึงมีอยู่ไม่กี่ตัว เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนตัวเองเกิดอาการคิดถึงฟอนต์สกุลหนึ่ง ที่โดยส่วนตัวรู้สึกชอบ และผูกผันมากกว่า เคยเสนอเรื่องซื้อฟอนต์เพิ่มในที่ประชุมไปแล้ว ด้วยองค์ประกอบหลายๆอย่าง ทำให้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า...













ภาพจริงที่ปรากฏ!!!



















คิดถึงนะ จะรอคอยวันที่เราพบกัน
อย่างถูกทำนองคลองธรรม

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ตามหา

สวัสดีมิตรรักแฟนบล็อกทุกท่านครับ!!!

ห่างเหินจากการอัพบล็อกไปนานพอสมควร และคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่จะเข้ามาเพิ่มเติมเรื่องราวในบล็อก

พอดีวันนี้เปิดคอมขึ้นมา เพื่อหาเพลงฟังเปิดไปเปิดมา ไปเจอเพลง "บังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต" มาสะดุดกับ comment ข้างล่าง รู้สึกสิ่งที่เขาเขียนให้อะไรกับเราพอสมควร จึงจัดการ Capture มาเก็บไว้ในบล็อกเสียเลย



ขอบคุณคุณ Pikajuful

แต่สำหรับตัวผมเองแล้ว ผมยังไม่หยุดนะ
ผมจะหยุด...ก็ต่อเมื่อผมหมดลมหายใจ
-

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Pepsi และเป็ปซี่



















"เก่าไปใหม่มา"
เอ ไม่ใช่สิหรือว่าจะเป็น...
Q

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

ซอยบ้านมิว

ในหนัง"รักแห่งสยาม" สถานที่ถ่ายทำที่เป็นบ้านของมิว ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากหลักของเรื่องนั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก และอยู่ใกล้ๆกับที่ทำงานที่ผมทำอยู่ ณ เวลานั้น ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาพักกลางวันผมและเพื่อนๆจะเดินเข้าออกซอยนี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งโนบอกว่าจะมาถ่ายรูปสถานที่ที่ว่านี้เก็บไว้ แต่จนแล้วจนรอดเวลาผ่านไปเป็นปีก็ยังไม่ได้มาถ่ายรูปตามที่ว่ากันไว้ ครั้นเมื่อถึงวันท้ายๆที่ผมจะได้ทำงานในที่แห่งนี้ จึงได้ฤกษ์มาถ่ายกันซักที ก่อนที่จะไปถ่ายโนบอกว่าจะถ่ายให้เหมือนในหนังเป็นช็อตๆไปเลย ตัวผมดันบ้าจี้ตามไปด้วย เราจึงเอาเวลาทำงานมา Capture ฉากที่ต้องการจาก Youtube (อิอิอิ) และแอบปริ้นท์ออกมาเพื่อไว้ดูเวลาไปถ่าย... ไปชมภาพกันเลยนะครับ!!!













-













-












-













-












-













-












-













-












-












-











-














ทำไปได้...
Q

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

รับตัดเสื้อ แต่ดันสร้างสรรค์สิ่งอื่น

Qวันนี้ตอนบ่ายได้ขับรถมอไซค์ไปซ่อมที่อู่ให้พ่อระหว่างที่ยืนดูและรอ ก็สังเกตเห็นห้องแถวข้างๆเขามีป้ายบอกรับตัดเย็บเสื้อ และได้สะดุดกับวัสดุที่เขาใช้จนดึงดูดผมให้เข้าไปดูป้ายๆนี้...

















ป้ายรับตัดเย็บเสื้อ!!!

Q ดั่งภาพที่เห็น ตัวป้ายเป็นผืนผ้า ส่วนตัวอักษรนั้นทำด้วยเชือกเย็บติดตรงกลางระหว่างความหนาของเชือก(ถ้ามองที่เส้นด้ายอย่างเดียวจะเกิดตัวอักษรที่มีลักษณะคล้ายๆกับตัวหนังสือในสมุดคัดลายมือ) การทอดตัวของเชือกทำให้จริตของตัวอักษรมีความเฉพาะ การแบ่งระยะความห่างของบรรทัดที่ถูกกำกับด้วยขอบผ้าแถมยังทำหน้าที่เป็นลวดลายให้กับงาน และการวางเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่เสมอซ้ายตามตัวอักษร(อยากเห็นคนทำจัง!!!) ด้วยเนื้องานที่มีโครงสร้างเป็นพื้นฐาน บวกกับกระบวนการทางความคิดและการทำที่เกิดจากกรอบของเนื้อหา และความสามารถในอาชีพของเขา ทำให้งานสื่อสารชิ้นนี้เปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ มีชีวิตชีวา และแฝงความจริงใจ...
(แถมยังสร้างแรงบันดาลใจเล็กๆให้กับผมอีก!!!)

ผมว่า "คนทำป้ายชิ้นนี้เท่ห์ดีนะ ถึงงานจะดูไม่เท่ห์ก็ตาม..."
Q

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แอ่วพะเยา ตอนสุดท้าย!!!

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เป็นวันสุดท้ายของการแอ่วพะเยาในครั้งนี้ หลังจากที่ได้กราบไหว้และร่ำลา
ครอบครัวแนน ก็ได้ไปนมัสการพระเจ้าองค์หลวงที่วัดศรีโคมคำ...






















พระเจ้าตนหลวง(พระเจ้าองค์หลวง)
พระพุทธรูปศิลปเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา
ข้อมูลจาก http://www.thai-tour.com/

ก่อนอื่นนั้นผมต้องขอบคุณเฮีย(เพชร) เพราะถ้าไม่มีเฮียผมก็คงไม่ได้ไป
ขอขอบคุณซ้อ(แนน) เพราะถ้าไม่ใช่ซ้อผมก็คงไม่ได้เห็น
ขอบคุณพ่อแม่และครอบครัวของซ้อทุกคน ในการต้อนรับและเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี
และขอบคุณทุกๆท่านที่ผมไม่ได้เอ่ยนาม... ขอบคุณครับ!!!

...นับจากวันสุดท้ายที่ได้ไปเวลาก็ผ่านเลยมา 2 เดือน กับอีกหลายวัน ขณะที่ผมกำลังจะเขียนอะไรส่งท้ายนี้ หัวใจผมยังเต้นแรง ในห้วงคิดคำนึงของความรู้สึกยังปลื้มปิติและซาบซึ้งต่อเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ที่มันได้แปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำที่มีคุณค่าทางจิตใจอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตต่อไป อาจจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นการเปลี่ยนชีวิต แต่มันเป็นการขยายกรอบความคิดในการใช้ชีวิตที่สำคัญของผม ไม่รู้สิผมมีโอกาสได้คุยกับเพื่อนของนุกนิกตั้งแต่วันแรกที่ผมไปถึง...

เขาถามผมว่า "ที่นี่เป็นไง(กรุงเทพฯ) เด็กบ้านนอกๆอย่างผมไม่ค่อยรู้อะไร จริงๆผมก็อยากไปนะ แต่ก็กลัวๆอยู่เหมือนกัน!!!"

สำหรับวันนั้นผมจำไม่ได้จริงๆว่าพูดอะไร จำได้แต่ว่าเมื่อผมพูดจบและโจอี้ก็พูดว่า

"เฮ้ยคิว!!! กูว่ามึงน่าไปเป็นอาจารย์วะกูว่า"
(ด้วยน้ำหนักคำพูดที่ดูสนุกสนานและตามด้วยเสียงหัวเราะของมัน)

คำพูดของเขาทำให้ผมรู้สึกสะดุดและกลับมาหยุดคิดในวันท้ายๆที่ผมอยู่พะเยา ผมว่าเป็นผมต่างหากที่เป็นคนบ้านนอก!!! เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้อะไร!!! ที่วันๆดักดานอยู่ในพื้นที่ที่ตัวเองคุ้นเคย จนไม่กล้าออกไปนอกพื้นที่ของตนเอง ด้วยคำพูดของเพื่อนนุกนิกในวันนั้นและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มันสอนให้ผมรู้ว่า เราต้องออกไป ไม่รู้ว่าจะไปไหนแต่ก็ขอให้ออกไป อาจจะไม่ต้องไปไกลมากนัก แค่ไปให้ไกลกว่าที่เคยไปอีกนิดอาจจะเห็นอะไรที่มากกว่าที่เคยเห็น ดีไม่ดีไม่รู้ ชอบไม่ชอบไม่รู้ แต่ก็ขอออกไปให้เห็นมัน... (สิ่งที่ผมกล่าวคำว่า "ออกไป" หมายถึงบริบทของการออกไปพบเห็น ไม่ใช่การออกไปดิ้นรนหรือทำอะรไรบางอย่างเพื่อให้ได้ไปเห็นนะครับ!!!)

สุดท้ายนี้ถึงแม้ผมจะชื่นชอบและหลงเสน่ห์จังหวัดพะเยามากเพียงใดก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วผมยังคงรักบ้านเกิดผม ยังรักพื้นเพของผม(ถึงแม้จะวุ่นวาย และแออัดเพียงไรก็ตาม) แต่แล้วผมกลับมานั่งสำรวจความรู้สึกตนเองอีกที ทำให้ผมพบว่า...

"ผมฮักพะเยา"

Q

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แอ่วพะเยา ตอนที่ 4

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เป็นวันรองสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านในวันพรุ่งนี้
เริ่มกันที่ชาวคณะได้พาไปเยี่ยมชม "มหาวิทยาลัยนเรศวรพะเยา"
ซึ่งแนนก็จบจาก ที่นี่เช่นกัน!!!

ขอบอกว่า "น่าเรียนมากกกกกกกกกก"
















ด้านหน้ามหาวิทยาลัย

ภายในมหาลัย!!!
































หอประชุมมหาลัย!!!

















โครงที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่

















รถบัสมหาลัย!!!

จากนั้นไปที่อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ!!!
















อ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ!!!

















อีกฝั่งนึงของอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ!!!

















ป้ายโครงการ























ที่มาของโครงการ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำเป็นหนึ่งในพระราชดำริของในหลวง

















จะบรรยายความรู้สึกยังไงดีล่ะ!!! อธิบายไม่ถูกจริงๆ เอาเป็นว่า...
"บุหรี่ที่ยืนดูดในขณะนั้นช่างเอร็ดอร่อยจริงๆ"


































กิ๊กบอกว่าเป็นกว๊านเล็ก... ผมว่าเข้าท่าดีแฮะ!!!

















จากนั้นมาชิมรสชาติ "ก๋วยเตี๋ยวอันเจริญ" ผมว่าเส้นเล็กเขาอร่อยดีนะ!!!
(แต่คนวงในบอกว่าไปกินที่ตัวเมืองจะอร่อยกว่านี้เจ้า!!!)

กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จกลับบ้านแนน และแอบดอดมาชมตัวเมืองด้วยมอไซค์พ่อแนน!!!






















สี่แยกที่เคยลงภาพไปแล้วใน "ตอนที่ 1"
เลี้ยวซ้ายไปกว๊าน
เลี้ยวขวาไปขนส่ง
มุ่งไปพบวัดศรีโคมคำ
ส่วนตัวผมตรงมาจากตัวเมืองที่เป็นตลาดกระมัง!!!

ผมเลี้ยวซ้ายไปสูดและสัมผัสบรรยากาศแหล่งชีวิตอีกที่ ก่อนที่พรุ่งนี้จะกลับบ้าน...
















ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ

















คนขายซาลาเปาที่มาหาลูกค้าแถวกว๊าน!!!

















พ่อขุนงำเมืองและผู้ที่มาสักการะ
พอดีวันนั้นมีรถทัวร์มาแวะที่กว๊านหลายคันคนเลยเยอะหน่อย!!!

















ป้ายกว๊านพะเยากลับผู้แวะมาเยือน
ถ้ามีเวลาก็พาลูกหลานมาเที่ยวที่พะเยาแบบเต็มตัวนะป้า!!!
(ชอบไม่ชอบค่อยว่ากัน)

และมานั่งพักจิบเบียร์ที่ร้าน "ศรีเรือน" เจ้า
(ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก วันนี้ก็คงไม่ได้มานั่งที่ร้านนี้)
















ด้านขวาพี่เจ้าของร้าน ถึงหน้าจะดุไปหน่อยแต่ก็พูดจาดี ด้านซ้ายป้าที่คอยย่างปลาและคอยโบกมือเรียกลูกค้าเมื่อแกเห็นรถคันไหนที่วิ่งผ่านแล้ว กท ไม่ได้เป็นจังหวัดพะเยา!!!

กินพอกึ่มๆ หลังจากนั้นก็ร่อนมอไซค์ชมรอบตัวเมืองอีกซักพัก
















ห้องแถวเก่า!!!
















































กลับบ้านแนนอาบน้ำกินข้าวและก็มานั่งดื่มกันต่อ...
















วันนั้นเป็นคืนสุดท้ายเลยมีญาติและเพื่อนบ้านแนนมานั่งดื่มร่วมกัน!!!























ระห่างนั่งดื่มก็มีการคั่นรายการกัน ด้วยการจุดโคมลอย!!!

















อธิฐานหรือปลดปล่อยสิ่งใดไปน้า...























โคมลอยไปแล้ว... หมู่เฮาต่างพากันชื่นมื่น!!!(เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ)

















เป็นค่ำคืนที่เหมาะสมกับคืนสุดท้ายจริงๆ พูดได้คำเดียวครับ!!!
"HAPPYๆหลายๆเด้อ"
(เอ... ไหนบอกว่าพูดได้คำเดียว แต่อู่ไปหลายคำเลยเราเจ้า)

หมดวันที่ 24 ตุลา....

โปรดติดตามตอนสุดท้าย...